วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ...ย่านาง

น้ำย่านาง..เคยได้ยินคนบอกเล่ากันมาก็เยอะแล้ว ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนก็แม่นี่แหละที่บอกเล่าทั้งคนในบ้านและเผื่อแผ่เพื่อนบ้านอีก แต่ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่นัก คนรักสุขภาพหลายคนก็คงรู้จักกันแล้ว...เนื่องจากว่าก่อนนี้แม่ป่วยเป็นมะเร็งลำไ้ส้ หลังจากเข้ารับการผ่าตัดแล้วก็หันมาดูแลตัวเองโดยวิธีธรรมชาิติ โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน แม่ก็ได้มีโอกาสไปอบรมที่ค่ายหมอเขียว ซึ่งได้ให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลตัวเองโดยวิธีที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองไม่ต้องพึงคนอื่น และนี่ก็เป็นที่มาทำให้แม่รู้จักการทำน้ำใบย่านาง..ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพ มีสรรพคุณดีๆต่อร่างกาย เราก็ได้ความรู้การดูแลสุขภาพจากแม่มาอีกทีนึง ตอนนี้แม่แข็งแรงขึ้นมาก

แม่ทำน้ำย่านางดื่มอยู่เป็นประจำ และทำให้เราด้วย แต่ก่อนใบย่านางหายากไม่มีขายในตลาดเลย เดี๋ยวนี้รู้สึกจะเห็นมีขายกันตามท้องตลาดเยอะขึ้นนะ คิดว่าคนรักสุขภาพทั้งหลายคงรู้จักและทานเป็นประจำเช่นกัน ตอนนี้ที่บ้านก็ไปหามาปลูกแล้วล่ะ และได้มีโอกาสทำน้ำใบย่านางทานเองด้วย วิธีทำง่ายมาก


วิธีใช้
ใช้ใบย่านางในการเพิ่มคลอโรฟิล คุ้มครองเซลล์ ฟื้นฟูเซลล์ ปรับสมดุล บำบัดหรือบรรเทาอาการที่เกิดจากภาวะไม่สมดุล แบบร้อนเกินไป ดังนี้
1. เด็กใช้ใบย่านาง 1-5 ใบ ต่อน้ำ 1-3 แก้ว (200-600 ซีซี.)
2. ผู้ใหญ่ที่รูปร่างผอม บาง เล็ก ทำงานไม่ทน ใช้ 5-7 ใบ ต่อน้ำ 1-3 แก้ว
3. ผู้ใหญ่ที่รูปร่างผอม บาง เล็ก ทำงานทน ใช้ 7-10 ใบ ต่อน้ำ 1-3 แก้ว
4. ผู้ใหญ่ที่รูปร่างสมส่วนถึงตัวโต ใช้ 10-20 ใบ ต่อน้ำ 1-3 แก้ว

ขั้นตอนการทำ
ล้างทำความสะอาด : นำใบย่านาง.....มาล้างทำความสะอาด เอาสิ่งสกปรกออกเบื้องต้น
คัดเลือก : แล้วนำมาเด็ด เลือกใบสวยๆที่มีคุณภาพ ออกมาจากเถาของย่านาง (ย่านางเป็นไม้เลื้อยนะครับ)
ล้างครั้งที่ 2 : เสร็จแล้วนำเอามาล้างน้ำอย่างสะอาดอีกครั้งครับ
ต้องสะอาดจริง : จากนั้นก็เอามาแช่น้ำอีกครั้ง เพื่อความแน่ใจว่าสะอาดหมดจด
เตรียมน้ำ : ต้มน้ำอุ่น ประมาณ 70 องศา (ไม่ควรเกินกว่านี้ เพราะจะกลายเป็นใบย่านางต้ม)
ที่มีขั้นตอนนี้เพราะจะได้ฆ่าเชื้อโรคและพยาธิ ที่ติดมากับใบย่านาง
จากนั้นเอาใบย่านางไปมาลวก แป๊บเดียวพอค่ะ เดี๋ยวเสียคุณค่าของคลอโรฟิลล์
นำมาคั้น : เอามาใส่ในน้ำดื่มสะอาด เตรียมคั้นด้วยมือ โดยการขยี้ๆๆขยำๆๆจนได้น้ำเขียวๆข้นๆ
กรองกาก : นำไปกรอง จะได้น้ำเขียว
กรอกใส่ภาชนะ : ใส่ขวดสะอาดๆเก็บไว้ในตู้เย็นได้........เสร็จสิ้นขั้นตอน

และนี่น้ำใบย่านางที่ทำเอง.....


การดื่ม : บางคนบอกไว้ว่าอาจผสมน้ำมะพร้าว น้ำดื่ม เพื่อให้ทานได้ง่าย
...สำหรับเราผสมกับน้ำใบเตย เพื่อให้มีกลิ่นหอมใบเตยและดื่มง่าย รสชาติจะจืดๆหน่อยนะ...
...ดื่มไม่หมด เก็บไว้ในตู้เย็นได้ก็ประมาณ 3-7วัน ดูตามสภาพอย่าให้นานไปเดี๋ยวจะเสีย

สำหรับสรรพคุณของใบย่านาง...ได้ไปค้นคว้ามาเล่าสู่กันฟัง ดังนี้
ย่านางนั้นมีรสจืด และเป็นยาเย็น มีสรรพคุณในการดับพิษร้อน กลุ่มนักธรรมชาติบำบัดจึงได้นำเอาความรู้ตรงนี้มาใช้ประโยชน์แนะดื่มน้ำคั้นจากใบย่านาง เป็นน้ำคลอโรฟิลล์เพิ่มความสดชื่น และยังใช้ในการปรับสมดุลร้อนเย็นในร่างกาย เชื่อว่าสาเหตุของโรคต่างๆ ในร่างกายมาจากความร้อนที่ไม่สมดุลกับความเย็น หรือความเจ็บป่วยนั้นมักมีความร้อนเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นไข้ มะเร็ง ปวดแขนขา แสบร้อนเบ้าตา เป็นผดผื่นคัน แพ้อากาศ การใช้ยาเย็นจึงจะช่วยขับความร้อนในระบบต่างๆ เหล่านั้น และช่วยให้ร่างกายดีขึ้น รวมถึงเป็นการล้างสารพิษที่สะสมในระบบต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งมาจากอาหารและสิ่งแวดล้อม

ข้อมูลทางโภชนาการระบุว่า ย่านางนั้นมีเบต้าแคโรทีนในปริมาณสูง ซึ่งจะช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย อุดมด้วยเส้นในอาหาร แคลเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัส ย่านางจึงเป็นหนึ่งในจำนวนผักพื้นบ้านที่นักวิจัยแนะนำให้นำมาใช้ในรูปแบบอาหารเพื่อรักษาโรคมะเร็ง ฉะนั้น การบริโภคในรูปแบบอาหารและเครื่องดื่มจึงเป็นการประโยชน์ที่เหมาะสมสำหรับการดูแลสุขภาพอย่างยิ่ง

สอบถามหมอแผนไทยว่าการกินย่านางในปริมาณมากๆ จะเกิดผลเสียหรือไม่ ซึ่งได้รับคำแนะนำว่าไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ยกเว้นคนที่มีปริมาณเกล็ดเลือดแดงในร่างกายต่ำ ควรหลีกเลี่ยงการบริโภค เพราะย่านางเป็นยาเย็นอาจส่งผลให้เกิดอันตรายได้ สำหรับบ้านไหนมีผู้ป่วยเป็นไข้ตัวร้อนสูง ต้องนั่งเฝ้าไข้เช็ดตัวทั้งวันทั้งคืน ก็ใช้รากย่านางต้มน้ำดื่มช่วยลดไข้ลงได้อย่างเร็ว เป็นการป้องกันผู้ป่วยไม่ให้เกิดอาการชักได้ด้วย หรือใช้น้ำนั้นเช็ดตัวร่วมด้วยก็ได้

เวลานี้น้ำคั้นใบย่านางกำลังกลายเป็นเทรนด์ใหม่ของคนรักสุขภาพ มีการแนะนำสูตรเครื่องดื่มนี้บอกต่อๆ กันพร้อมวิธีปรับปรุงสูตรเพื่อเพิ่มรสชาติ เช่น ใบย่างนาง เสลดพังพอน ตำลึง ผักบุ้ง อ่อมแซบ บัวบก หญ้าปักกิ่ง ใบเตย ฝรั่ง เลือกใบย่านางเป็นหลัก ส่วนผสมอื่นๆ เลือกตามสะดวกและหาได้ จะตำคั้น หรือปั่น หรือใช้เครื่องแยกกาก ก็ตามสะดวก แล้วแต่งรสชาติด้วย น้ำมะพร้าว น้ำอ้อย หรือน้ำผึ้ง หรือไม่แต่งรสเลยก็ได้ตามใจชอบ...

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลต่างๆมา ณ ที่นี้ค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น