วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2554

รักสุขภาพ เวลานี้ควรทำอะไรดี 19.00-21.00 น.


เวลา 19.00 - 21.00 น. เป็นเวลาที่กล้ามเนื้อหัวใจจะชะล้างตัวเองจึงต้องพักสนิท ส่วนหัวใจจะทำงานน้อยลง ถ้าไม่พักเลือดจะข้น กล้ามเนื้อหัวใจจะทำงานหนัก ทำให้หัวใจโต และคนที่มีหัวใจโตจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นอัมพาตมากกว่าคนปกติ

ทุกวันนี้คตนเราไม่ได้เตรียมตัวที่จะพักในเวลานี้เลย ยิ่งกลับทำงานล่วงเวลามากขึ้น หรือไม่ก็เที่ยวกลางคืน และยังกินอาหารหนักๆ พร้อมกับดื่มครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจทำงานหนักมากขึ้นไปอีกเท่าตัว จึงมีผลกระทบต่อหัวใจ หัวใจจะต้องทำงานหนักไปด้วย ซึ่งปกติแล้วร่างกายควรจะชะลอพักนั่งสมาธิ สวดมนต์ไหว้พระเพื่อให้จิตใจและร่างกายสงบลง เพื่อเป็นการเตรียมตัวสำหรับการพักผ่อนในเวลานี้

ผู้เชี่ยวชาญวิทยาด้านสมองและประสาทได้ทดลองสแกนนคลื่นสมองพระสงฆ์ที่นั่งสมาธิมากกว่า 10,000 ชั่วโมง เปรียบเทียบกับผู้ฝึกสมาธิขั้นเริ่มต้น พบคลื่นสมองที่เป็นระเบียบมากกว่า และระหว่างนั่งสมาธิจะมีคลื่นสมองเกิดขึ้นเช่นเดียวกับผู้ที่นอนหลับ นั่นคือทำสมาธิปประจำจะดีต่อสุขภาพ


วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2554

วิธีดูแลไต

โรคไต เกิดจากระบบดูดซึมไม่ดี ทำให้อาหารที่กินเข้าไปแล้วไม่ดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย จะถูกส่งไปให้ไตขับทิ้ง ทำให้ไตทำงานหนัก

ไต  ทำงานหนักโดยไม่จำเป็น สาเหตุมาจาก
- กินอาหารรสจัด
- กินอาหารผัดน้ำมันเป็นประจำ
- กินเนื้อสัตว์ แล้วไม่มีวิตามินซี, บี1, บี3, บี6 มาช่วยเปลี่ยนโปรตีนให้เป็นกรดอะมิโน ถึงจะมีประโยชน์ต่อร่างกาย
- เกิดจากความกลัว ขี้ตกใจ


วิธีดูแลไต
- งดอาหารผัดน้ำมัน
- ล้างลำไส้ หรือระบบดูดซึม ด้วยวิธีธรรมชาติ ได้แก่
1. มะละกอดิบต้มน้ำ เอาน้ำมาชงชา
2. โยเกิต+นมสด+น้ำผึ้ง+มะนาว
3. ใช้เห็ดสามอย่างขึ้นไปปรุงอาหาร


อาหารบำรุงไต
น้ำกระชาย เม็ดบัง เห็ดหูหนูดำ ลูกเกด องุ่นดำ งาดำ ลูกแปะก้วย กล้วยตาก ลูกสำรอง เฉาก๊วย แก้วมังกร




วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2554

พริกไทย ดีอย่างไร

พริกไทย เป็นเครื่องเทศสำคัญของโลกที่ได้ชื่อว่าเป็น "ราชาแห่งเครื่องเทศ" พริกไทยมี 2 ชนิด คือ พริกไทยดำ และพริกไทยล่อนหรือพริกไทยขาว ทั้งสองชนิดแตกต่างกันตตรงวิธีการผลิต พริกไทยดำมีสารอาหารและสรรพคุณทางยาสูงกว่าพริกไทยขาว พริกไทยเป็นยาที่มีใช้กันมาตั้งแต่โบราณ โดยเฉพาะพริกไทยขาว ใช้เป็นส่วนผสมที่สำคัญในการผลิตยาอายุวัฒนะ ในการผลิตพริกไทยขาวมีการใช้สารฟอกขาว จึงอาจมีสารตกค้างและเป็นอันตรายได้ ดังนั้น การบริโภคพริกไทยดำจึงปลอดภัยและให้สารอาหารสูงกว่า

สรรพคุณ
- พริกไทยมีฤทธิ์ร้อน รสเผ็ด กลิ่นหอม มีสรรพคุณยับยั้งแบคทีเรีย ช่วยต้านมะเร็ง บำรุงกระเพาะ การทำงานของลำไส้และน้ำย่อย

- แก้อาหารเป็นพิษ แก้ปวดท้องจากความเย็น แก้อาเจียน ช่วยอุ่นอวัยวะภายใน แก้ท้องเสีย ท้องอืด ช่วยขับลม ช่วยย่อย

วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2554

อาการเมื่อเลือดไปเลี้ยงสมองน้อย

สมองส่วนหน้า สมองส่วนกลาง สมองส่วนหลัง อยู่กันคนละส่วน แต่มีเซลล์ประสาทกลุ่มเดียวที่ควบคุึมการไหลเวียนของเลือดทั้งสามส่วน

เลือดไปเลี้ยงสมองส่วนหน้าได้น้อย
วันข้างหน้าอาจจะมีหินปูนเกาะที่สมองส่วนหน้า แล้วจะมีอาการนอนไม่ค่อยหลับ เป็นเหตุให้ตาเป็นต้อ จอประสาทตาเริ่มเสื่อม ปัสสาวะบ่อย หน้าเป็นฝ้า หน้าดำ

เลือดไปเลี้ยงสมองส่วนกลางได้น้อย
จะมีอาการง่วงนอนบ่อย หรือง่วงนอนทั้งวัน ปวดเมื่อยเนื้อตัว ปวดส้นเท้า ขี้โมโห ท้องอืด อาหารไม่ย่อย ต่อไปวันข้างหน้า่ความจำเสื่อม เริ่มจำไม่ค่อยได้ แต่ความจะระยะยาว ความจำเก่าๆ ยังจำได้ ส่วนความจำระยะสั้น คือเรื่องใหม่ๆ ในปัจจุบันจะจำไม่ค่อยได้ หลงๆ ลืมๆ พูดวนไปวนมา ความจำจะเสื่อมลงไปเรื่อยๆ


เลือดไปเลี้ยงสมองส่วนหลังได้น้อย
จะมีอาการ แขนขาไม่ค่อยมีแรง เดินไม่ค่อยไหว ตอนตื่นนอนบางครั้งจะมีอาการแขนขาตายเหมือนผีอำ ขยับตัวไม่ค่อยได้

สาเหตุที่เลือดไปเลี้ยงสมองได้น้อย
- กระดูกคอข้อที่หนึ่งเคลื่อนไปเบียดทับเส้นประสาท หรือเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง
- กินอาหารที่ผัดน้ำมันบ่อยเป็นเวลานาน แล้วเกิดไขมันเกาะตัวเหนียวสะสมในลำไส้ เพราะระบบดูดซึมเสีย และถุงน้ำดีข้น
- มีพยาธิในลำไส้ หรือพยาธิที่ผิวหนังกัดกินเลือดในร่างกาย

วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ความสำคัญของอาหารมื้อเช้า


การไม่กินอาหารเช้า เป็นเหตุพื้นฐานทำให้เกิดการเจ็บป่วยที่เรามองข้ามไป คิดว่าเป็นธรรมดาที่เคยปฏิบัติอยู่เป็นประจำจึงไม่เห็นเป็นอะไรเลย

อาหารเช้า เป็นอาหารมื้อสำคัญที่สุด ที่ร่างกายต้องการสารอาหารในช่วงเวลา 07.00-09.00 น. ระหว่างเวลานี้สมองและใบหน้าของคนเราต้องการเลือดและออกซิเจน เป็นอาหารบำรุงส่งไปเลี้ยงสมอง ถ้าไม่กินอาหารเช้า ก็ไม่มีเลือดมารับออกซิเจน ส่งขึ้นไปเลี้ยงสมอง เพราะสมองต้องการกรดอมิโนไปบำรุงเซลล์สมอง รวมถึงวิตามินบี 1, บี 6, และบี 12

ถ้าเลือดไปเลี้ยงสมองน้อยหรือไม่พอ จะเริ่มมีอาการดังต่อไปนี้ เช่น ผมร่วง หน้าแก่เร็ว คออักเสบง่าย นอนไม่หลับ นอนไม่เต็มอิ่ม ฝันบ่อย ปวดไหล่ ตื่นกลางคืนบ่อยๆ ปวดหัวข้างเดียว ปวดหัวสองข้าง ปวดหู ปวดกระบอกตา เป็นไซนัส เหงือกบวม เจ็บคอ เจ็บลิ้น ปวดชายโครง ปวดหลัง ปวดเข่า กระดูกสะโพกจะเคลื่อนง่าย ปวดสะโพก ปวดข้อเท้า หลังเท้า วิตกกังวลง่าย

วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เห็ด 3 อย่าง ดีอย่างไร

เห็ด 3 อย่าง คือ เห็น 3 ชนิดขึ้นไป จะเป็นเห็ดสดหรือเห็ดแห้งก็ได้ นำมาปรุงอาหารแล้วกินได้ทั้งเนื้อเห็ดและน้ำเห็ด

ประโยชน์
- ล้างสารพิษที่ตกค้างในตับ ช่วยบำรุงตับ
- ลดอนุมูลอิสระที่เกิดเป็นเซลล์มะเร็ง

เห็ดชนิดเดียว มีประโยชน์ไม่มากเท่ากับน้ำเห็ด 3 อย่างมารวมกัน หรือ 3 อย่างขึ้นไป เห็นที่นำมาใช้ คือ เห็นที่กินได้ เช่น เห็ดหูหนูดำ เห็ดหูหนูขาว เห็ดหอม เห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า เห็ดโคน เห็ดเข็มทอง ล้้างน้ำให้สะอาดก่อนนำมาปรุงอาหาร

เห็ด 3 อย่าง เมื่อนำมารวมกันประกอบอาหารแล้วจะได้โปรตีนจากเห็ด ที่ร่างกายดูดซึมไปใช้งานได้ง่ายที่สุด ง่ายกว่าเนื้อสัตว์ โปรตีนจากเห็ดจะไปสร้างกรดอะมิโน ที่บำรุงสมอง ปรับสมดุลของการสร้างเซลล์ใหม่ในร่างกาย ต้านการเกิดมะเร็ง ขจัดสารพิษ แต่ถ้าคนที่เป็นมะเร็งแล้วกินได้ แต่อย่าคาดหวังอะไร ควรไปให้แพทย์รักษาดีที่สุด อาหารตัวอื่นที่สามารถต้านอนุมูลอิสระได้ดีก็มีอีกมากมาย เช่น กระเจี๊ยบเขียว ลูกหม่อน ผักและผลไม้

น้ำต้มเห็ด 3 อย่าง ใช้ทำเป็นน้ำซุปปรุงอาหารก็ได้ แต่ไม่ควรนำเห็ด 3 อย่างไปผัดน้ำมัน ถ้าจะผัดควรใช้กะทิผััดแทนน้ำมัน เพราะกะทิเป็นไขมันที่ละลายในน้ำได้ และกะทิมีโคเลสเตอรอลฝ่ายดี มีประโยชน์ต่อร่างกาย

ขอขอบคุณหนังสือ กินเป็น ลืมป่วย

ตระกร้าเห็ด 3 อย่าง

มีคนที่มีไอเดียดีๆ นำเห็ด 3 อย่า่งมาจัดใส่ตระกร้ามอบเป็นของขวัญกันด้วย เห็ด 3 อย่างคงมีประโยชน์จริง และคงมีคนนิยมทานกันมาก

วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เพิ่มคลอโรฟิลล์ในร่างกายป้องกันโรค

คลอโรฟิลล์ เป็นสารประกอบที่พบได้ในส่วนที่มีสีเขียวของพืช โดยพบมากที่ใบ นอกจากนี้ยังพบได้ที่ลำต้น ดอก และรากที่มีสีเขียว โดยเฉพาะใบย่านาง ที่มีสีเขียวมาก จึงมีคลอโรฟิลล์มากตามไปด้วย จึงเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย

ดร.ฮาน ฟิชเชอร์ ได้ทำงานวิจัยค้นคว้าความสัมพันธ์ระหว่างคลอโรฟิลล์และเม็ดเลือดแดงของมนุษย์ จนได้รับรางวัลโนเบล จากงานวิจัยพบว่าคลอโรฟีลล์มีโครงสร้างเหมือนกับเม็ดเลือดแดง ต่างกันตรงแกนกลางของคลอโรฟิลล์เป็นธาตุแมกนีเซียม ส่วนเม็ดเลือดแดงเป็นเหล็ก

เมื่อร่างกายของเราได้รับคลอโรฟิลล์ ร่างกายของเราจะนำโครงสร้างของคลอโรฟิลล์มาเปลี่ยนเป็นโครงสร้างของเม็ดเลือดแดง โดยเปลี่ยนอะตอมตรงกลางระหว่างเหล็กกับแมกนีเซียม ดังนั้นจึงทำให้ผู้ที่ได้รับคลอโรฟีลล์มีระบบการไหลเวียนผลัดเปลี่ยนเม็ดเลือดแดงเพิ่มมากขึ้น

เพราะทุกวันนี้เราได้รับสารพิษมากที่สุด คงหนีไม่พ้นอาหารที่เรารับประทานเข้าไป สารเคมีมากมายที่มาปะปนกับอาหาร เช่น สีผสมอาหาร สารกันบูด สารฟอกสี สารปรุงแต่ง รส กลิ่น ใช้เหมือนธรรมชาติ

ตับและไตนั้นมีหน้าที่ในการกรองสารพิษ ไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย หากสารพิษที่เรารับประทานมากเกินไป ตับกับไตก็จะมีปัญหาเกิิดเป็นตับอักเสบ มะเร็งในตับ ไตวาย เป็นต้น

เราจึงควรทำความสะอาดภายในร่างกายของเราเป็นประจำ มนุษย์ส่วนใหญ่อาบน้ำวันละสองครั้งต่อวัน เพื่อชำระล้างสารพิษ ดังนั้นภายในร่างกายก็มีความต้องการขับล้างสารพิษเช่นกัน

คลอโรฟิลล์ มีการใช้แพร่หลายกันมานานมีความสามารถในการล้างสารพิษได้จริง

ประโยชน์ที่ได้รับจากการรับประทานคลอโรฟิลล์
- ช่วยขจัดสารพิษในร่างกาย ระบบเลือด ตับ ไต
- ช่วยเพิ่มปริมาณเม็ดเลือดแดงในร่างกายให้สมดุล
- ช่วยให้ผิวพรรณสดใส ผิวหน้ากระจ่างขึ้่น
- ช่วยลดปัญหากลิ่นตัว
- ช่วยลดอาการปวดประจำเดือน
- ช่วยให้การขับถ่ายดี
- ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเืลือด
- ช่วยให้ภูมิต้านทานของร่างกายแข็งแรงขึ้น
- ช่วยให้ความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า
- ช่วยป้องกันตับอักเสบ ไตวาย
- ปัองกันโรคมะเร็ง

วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2554

อาการปวดเข่า สะท้อนสุขภาพภายใน

ปวดเข่าด้านหน้า
บริเวณลูกสะบ้าหัวเข่าลงไปหน้าแข้ง สาเหตุมาจากกระเพาะอาหาร เช่น กินไม่ตรงเวลา ไม่กินอาหารเช้า กินอาหารรสจัด หรือเป็นคนวิตกกังวลบ่อย

ปวดเข่าด้านหลัง
บริเวณขาพับ สาเหตุมาจากกระเพาะปัสสาวะ เช่น กลั้นปัสสาวะบ่อย หรือคุมปัสสาวะไม่ได้ ถ้ามีปัญหากระเพาะปัสสาวะ อาจจะเป็นตัวบ่งชี้ถึงอาการเบาหวาน หรือมดลูกรังไข่ เรื่องของไต ลำไส้ใหญ่ไม่ดี แล้วกระเพาะปัสสาวะจะมาฟ้องตรงใต้เข่าหลังขาพับ

อารมณ์ความหวาดกลัวเป็นเหตุให้ปวดเข่าได้ เช่น กลัวอยู่คนเดียว กลัวถูกทอดทิ้ง กลัวความสูง กลัวความมืด

ปวดเข่าด้านข้าง
ถ้าปวดบริเวณนี้ ร้าวไปถึงโคนขา ถึงสะโพก สาเหตุมาจากถุงน้ำดีเป็นเหตุ ตรวจตัวเองดูว่า กินน้ำน้อยไปหรือไม่ กินอาหารผัดน้ำมันบ่อยหรือเปล่า


ปวดเข่าด้านใน (ด้านที่เข่าชิดกัน)
อาจเกิดจากม้าม หรือมีปัญหาของเบาหวาน ความอ้วน หรือกล้ามเนื้อกำลังจะเปลี่ยนเป็นไขมัน ก็จะปวดเข่า ต้องทำให้ไขมันเปลี่ยนเป็นกล้ามเนื้อ โดยกินขมิ้นชันเข้าไปช่วย

อาจเกิดจากตับ เพราะใช้เครื่องสำอางและยาสระผม ยาโกรกผม ผมที่มีสารเคมี สารพิษเหล่านี้จะลงไปสะสมที่ตับโดยตรง หรือการกินอาหารที่มีสารเคมีตกค้าง เช่น สารฟอกขาว สารกันบูด ดินประสิว ผงชูรส บอแรกซ์ หรือน้ำประสานทอง ก็จะมีสารพิษตกค้างที่ตับ หรือเกิดจากการกินหวานมาก ขี้โมโหบ่อย กินอาหารรสจัด

อาจเกิดจากไต เพราะเรากินอาหารรสจัด เปรี้ยวจัด เผ็ดจัด เค็มมาก เป็นประจำ ไตจึงทำงานหนัก หรือกินอาหารที่ผัดน้ำมันประจำ ทำให้ระบบดูดซึมเสีย เป็นเหตุให้ไตทำงานหนัก แล้วมีผลเกีี่ยวข้องกับการปวดเข่่าได้เช่นเดียวกัน

วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ขมิ้นชันสรรพคุณหลายประการ

ขมิ้นชันมีวิตามินเอ, ซี, อี เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะทำงานพร้อมกันทั้ง 3 ตัว จึงมีผลทำให้ช่วยลดไขมันในตับ สมานแผลภายในกระเพาะอาหาร ช่วยย่อยอาหาร ทำความสะอาดลำไส้ เปลี่ยนไขมันให้เป็นกล้ามเนื้อ ต้านอนุมูลอิสระป้องกันการเกิดมะเร็งตับ สร้างภูมิคุ้มก้ันให้กับผิวหนัง กำจัดเชื้อราปนเปื้อนในอาหารที่กินเข้าไปแล้วสะสมในร่างกายเตรียมก่อตัวเป็นเซลล์มะเร็ง ช่วยขับน้ำนมสำหรับสตรีหลังคลอดบุตรได้ดี รองมาจากการกินหัวปลี

กินขมิ้นชันให้ตรงเวลาช่วงที่อวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายเปิดทำงานในช่วงนั้นๆ จะได้ผลตรงกับประเด็นที่จะบำรุง หรือแก้ไขฟื้นฟูระบบของอวัยวะ กินเพียง 1 แคปซูล

กินขมิ้นเป็นอาหาร ไม่ใช่กินเป็นยา ใช้ขมิ้นปรุงอาหารบ้าง เช่น หุงข้าวก็ใส่ขมิ้นชันได้ ทอดปลาคลุกขมิ้นทำให้หอมน่ากินและยังมีประโยชน์ ขมิ้นจะช่วยย่อยไขมันจากน้ำมันที่ใช้ทอดปลาได้เป็นบางส่วน

กินขมิ้นแบบผงหรือแบบแคปซูล ควรเลือกซื้อจากผู้ผลิตที่มีมาตรฐานและสะอาดเชื่อถือได้ ไร้สารเคมี ไม่มีสเตรอยที่เกิดจากการอบแห้งด้วยความร้อนเกิน 65 องศา

ถ้ากินขมิ้นชันแบบผง 1 ช้อนชา ใช้ผสมน้ำ 1 แก้ว ขมิ้นชันจะไหลผ่านส่วนต่างๆ ของร่างกาย
- ผ่านลำคอ ช่วยขับไล่ไรฝุ่นที่ลำคอ ช่วยดูแลปอดให้หายใจดีขึ้น ลดความาชื้นของปอด
- ผ่านม้าม ก็ลดไขมัน และปรับน้ำเหลืองไม่ให้น้ำเหลืองเสีย
- ผ่านกระเพาะอาหาร จะรักษาแผลในกระเพาะอาหาร
- ผ่านลำไส้ ช่วยสมานแผลในลำไส้
- ผ่านตับ ช่วยบำรุงตับ ล้างไขมันในตับ

วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ดึงสารพิษที่ผิว ทำเองได้ที่บ้าน

ก่อนจะทำการดึงสารพิษออกจากผิวนั้น ต้องทำการล้างระบบดูดซึมก่อน ด้วยสูตรโยเกิต+นมสด+น้ำผึง+มะนาว หรือ มะละกอดิบต้มแล้วเอาน้ำมาชงชา (ไม่ควรแช่ชาเกิน 5 นาที) กินเพื่อล้างลำไส้เป็นประจำแล้วระบบดูดซึมจะดี

สูตรสำหรับดึงสารพิษที่ผิว
ดินสอพอง  ครึ่งกิโลกรัม
ขมิ้นชันผง  1  ช้อนชา
ไพลผง  2  ช้อนชา
ทานาคา  3  ช้อนชา
ผสมเสร็จแล้วสามารถแบ่งใช้ได้


สูตรนี้ใช้พอกตัวเพื่อดูดหินปูน และสารพิษออกมา แล้วบำรุงผิวไปพร้อมกันด้วย ใช้พอกหน้า หรือตามแขนขาได้ทั่วตัว ขมิ้นชันจะช่วยขับไล่ไรฝุ่น

เป็นการแลกเปลี่ยนทางธรรมชาติของเซลล์ผิว เมื่อคายสิ่งไม่ดีออกไป ก็ดูดสิ่งที่ดีกลับเข้ามาชดเชย เป็นการให้อาหารทางผิว โดยปราศจากสารเคมี

ดินสอพองจะทำงานเปรียบเสมือนปูนที่เข้มข้น เมื่อใช้พอกตัวจะเกิดการดูดหินปูนที่เจือจางกว่าตามข้อต่างๆ ของร่างกายให้ผ่านออกมาทางรูขุมขน รวมทั้งเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และสารพิษที่ตกค้าง จะถูกดูดออกมาด้วย

อาหารผัดน้ำมันมีผลต่อสุขภาพอย่างไร

ในน้ำมันที่ประกอบอาหาร ถ้ามีส่วนประกอบของน้ำมันปาล์มอยู่ด้วยไม่ควรนำมาเข้าร่างกาย เพราะน้ำมันปาล์มเมื่อนำมาประกอบอาหาร ลองสังเกตดูก้นกระทะและรอบๆเตาแก๊ส หรือท่อน้ำทิ้งที่ล้างจาน จะมีคราบเหนียวของน้ำมันเกาะอยู่ ซึ่งเราก็ล้างมันออกได้ แล้วถ้ากินนอาหารผัดน้ำมันเป็นประจำ น้ำมันที่เข้าไปโอนอุณหภูมิของร่างกายที่ 37 องศา ตลอดเวลา น้ำมันจะเหนียวเป็นกาวยึดเกาะที่ผนังลำไส้ เป็นเวลานานเข้าก็จะหนาตัวขึ้น ไปขวางระบบดูดซึม ระบบดูดซึมของร่างกายจะเสีย

ระบบดูดซึมเสีย
เมื่อระบบดูดซึมเสีย ลำไส้จะดูดซึมสารอาหารที่เป็นประโยชน์ไปสร้างเม็ดเลือดไม่ได้ หากกินยา หรือวิตามินก็จะไม่ดูดซึม เพราะผ่านชั้นไขมันที่ผนังลำไส้ไปไม่ได้

เมื่อระบบดูดไม่ได้ พวกสารอาหาร และโปรตีน จะถูกส่งไปให้ไตขับทิ้ง ไตก็ต้องทำงานหนัก และอ่อนล้า ผลที่ตามมาคือความเจ็บป่วย การเกิดโรคต่างๆ

ทุกคนที่กินอาหารผัดน้ำมัน หรือของที่ทอดน้ำมันบ่อยๆ ควรต้องล้างลำไส้เพื่อให้ระบบดูดซึมได้ดีขึ้น

วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2554

กีวีดีต่อสุขภาพ

ผลไม้ลูกเล็กๆสีน้ำตาลเด็ดหนึ่งใน แหล่งที่อุดมสารอาหารสำหรับร่างกายของเรา มันจะเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและเต็มไปด้วยวิตามินซีมากกว่าจำนวน เงินที่เท่ากันของสีส้ม ยังแหล่งที่ดีของโปแตสเซียมเส้นใยและแหล่งของวิตามินดีและวิตามินอี




กีวีถือเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกายสูง ดังนี้
 
- เป็นแหล่งวิตามินซีในปริมาณสูงสุด
   
กีวีสีเขียวและกีวีโกลด์ หรือกีวีสีทอง กีวีทั้งสองชนิดมีปริมาณวิตามินซีสูงสุดถ้าเทียบกับผลไม้ชนิดอื่น เช่น ส้ม หรือมะละกอ จากการวิจัยพบว่า กีวี หนึ่งผลมีวิตามินซีมากกว่าส้มหนึ่งลูกถึง 74% การรับประทานกีวีสองผลต่อวันจะช่วยเพิ่มปริมาณวิตามินซีในร่างกายอย่างเห็น ได้ชัด ช่วยกระตุ้นการทำงานของภูมิคุ้มกันโรคซึ่งจะช่วยป้องกันไข้หวัด และซ่อมแซมร่างกายส่วนที่สึกหรอแถมยังกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ๆ

- อุดมด้วยโฟเลต สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

   
โฟเลตมีบทบาทสำคัญในการสร้างสารพันธุกรรม จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับเด็กทารกและคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายต้องการเซลล์ใหม่เป็นจำนวนมาก การรับประทานโฟเลตเป็นประจำทั้งก่อนและระหว่างตั้งครรภ์ จะช่วยทำให้ผิวและเซลล์เม็ดเลือดมีสุขภาพดี กีวีมีปริมาณโฟเลตสูงสุดเมื่อเปรียบเทียบกับกล้วย มะม่วง สัปปะรด และแอปเปิ้ล โดยมากกว่ากล้วย 49% และมากกว่ามะม่วงถึง 112.8%    

- สุดยอดคุณค่าวิตามินอี

   
วิตามินอี มีคุณสมบัติช่วยชะลอความแก่ ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ลดความเสื่อมของอวัยวะต่างๆ อีกทั้งยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และช่วยในการไหลเวียนของเลือดอีกด้วย จากการวิจัยพบว่า กีวีมีปริมาณวิตามินอีสูงสุด โดยเฉพาะกีวีทอง จะมีวิตามินอีมากกว่ามะม่วงถึงหนึ่งเท่า

- เต็มที่ด้วยพลังไฟเบอร์

  
ไฟเบอร์หรือเส้นใยอาหารเป็นสารที่ไม่ให้พลังงานในร่างกาย แต่สามารถทำให้อิ่มได้เร็วและนาน นอกจากนี้ ยังช่วยชำระล้างและปรับปรุงระบบย่อยอาหาร รวมถึงส่งเสริมให้หัวใจและร่างกายแข็งแรง กีวีเขียวหนึ่งผลมีปริมาณไฟเบอร์มากกว่ากล้วย 15% และมากกว่าแอปเปิ้ลและส้มถึง 25%